Monday, December 1, 2008

Pumpkin Custard & Spicy Noodle Salad

Have you ever get tired of Pumpkin Pie? I really don’t know about you…but I have. Every Thanksgiving and Christmas huh! So, I decided to make Pumpkin Custard for the last Thanksgiving, its easy and everybody (my family & in laws) loves it. I got the little aluminum loaf pans from Wal-Mart because I don’t have to worry about cleaning the pans later and my in laws can take some home without clean & return matter.

page-134

Ingredients

Eggs 1 ½ Cup
Sugar 1 ¼ Cup
Coconut Milk 1 ½ Cup
Salt ½ Teaspoon
Pumpkin (cut in small pieces) More or less …up to you!

page-135

  • Whisk together eggs, sugar, coconut milk, and salt until smooth.
  • Pour the custard through a sieve into a jug.
  • Put the pumpkin into the loaf pans (3/4 of the pan).
  • Pour the custard into the pans, leave ½ inch from the top.
  • Put the pans in the steamer (I steamed them in the Thai Stacked Steamer Pot) and cook for 30 to 45 minutes or until the custard puffed up.

** Do not forget to check the replenish the water every 10 minutes or so **

Enjoy!!!

อีกเมนูที่กำลังฮิตคือ ยำวุ้นเส้น ครั้งล่าสุดใช้วุ้นเส้นสวีทโพเทโท่ ซื้อมานานจนลืม ลองเอามาทำดู ทานอร่อย ดึ๋งๆ ดี ไม่ดึ๋งมากมายแบบเส้นคอนนิยาคุ แต่สีเทาๆ ไม่สวยเลย เส้นนี้อร่อยกว่าวุ้นเส้นธรรมดา ทิ้งไว้ไม่เปื่อยเละ ไปหามาลองทำทานกันได้เลยค่ะ ส่วนสิงสาราสัตว์ทะเลที่ใส่ไปก็คือที่เหลือจากคราวก่อน 5555 หาทางกำจัดซะ จะได้ไปพ้นๆ สายตา ซีฟู้ดส์รวมมิตรนั่นเป็นชนิดที่คุณภาพต๊ำต่ำ ไม่อร่อยเลย กับกุ้งจิ๋วที่ฟรีซเซ่อร์เบิร์นได้ที่ เอามาลวกๆ ต้มๆ โยนลงไปในจาน (ระ) ยำ ของอิชั้น เติมด้วยหอมแดงใหญ่ซอยบางๆ และผักจากสลัดถุงที่เหลืออยู่ในตู้เย็น คลุกๆ คนๆ เข้ากัน สรุปอร่อยเพราะฝีมือ โปรฯ เชฟอู๋นี่เอง 5555 เชิญชิมรูปไปก่อน 5555

page-136                        

Sunday, November 9, 2008

ซุปประจำตระกูล

ซุปไก่อันนี้เป็นสูตรลับประจำตระกูล 5555พูดให้เว่อๆ เข้าไว้ หนุกดี มันก็แล้วแต่คนชอบนะคะ วิธีทำของแต่ละบ้าน แต่ละแม่ แต่ละคนก็ต่างกัน จะทำอะไร อย่างไร ก็แค่ทำให้ถูกปากถูกใจตัวเองและครอบครัวเท่านั้นเอง

page-72

ซุปไก่สูตรนี้ เป็นของโปรดของครอบครัว ลูกๆ ชอบ แม่ก็ชอบ อีแด้ดดี้ด็ชอบ แต่จะเติมน้ำมะนาวกับพริกทุบเข้าไปด้วย ทำเป็นต้มยำกลายๆ มาดูกันเลยว่าทำยากง่ายอย่างไร

เริ่มด้วย ปั่นมะเขือเทศกับผักชี+น้ำ ให้ค่อนข้างหยาบ เทลงหม้อต้มๆๆๆๆ (วันนี้ใช้มะเขือเทศ 4 ปอนด์ กับผักชี 1 กำ เลยต้องแยกปั่น 2 แบช) พอเทลงต้มก็เติมน้ำพอประมาณให้เดือดซักพักใหญ่

พอเดือดดีแล้ว ก็เทใส่กระชอน กรองเอาน้ำใส่หม้อใหญ่ เอาทัพพียีกาลงหม้อให้ได้มากที่สุด พอดีวันนี้ไม่มีกระชอนคู่ใจ ยังไม่ได้เอามาจากบ้านเก่า เลยใช้กระชอนพาสต้ากรอง ยีเนื้อไม่ค่อยลง น้ำซุปเลยไม่ข้นเหมือนเช่นเคย พอได้ซุปมะเขือเทศแล้วก็เติมน้ำตามชอบ คือให้พอเหมาะกับไก่ที่จะใส่ลงไป เติมซีอ๊วขาว น้ำปลา พริกไทยดำบด ลงซะหน่อย

พอซุปเดือดก็เอาเนื้อไก่ใส่ลงไป หมั่นช้อนนังฟองจันทร์กับไอ้มันย่องออกด้วย พอดูว่าไก่สุกดี ก็เติมหอมใหญ่ กับมันฝรั่งลงไป ต้มไปอีกพักใหญ่ๆ ชิม-ปรุงรสตามชอบ เชิญรับทานค่ะ

page-73

ส่วนรูปนี้ 5555 ขอำก่อน เพราะไม่เข้าบรรยากาศเลย เป็นเพียงเพราะสนองตัณหาเบาหวานตอนตีหนึ่งกว่าๆ เท่านั้นเอง 5555 ลากที่ไสน้ำแข็งออกมา หั่นเฉาก๊วย ราดด้วยน้ำแดง แล้วก็แอบไปนั่งโซ้ยคนเดียวเงียบๆ กลัวลูกปั๋วตื่นมาเห็นปอบเบาหวาน 555

page-74

Friday, September 19, 2008

เข้าครัวกันนิดนึง

ยามขยันคือขี้เกียจทำอย่างอื่น เลยโพสต์อย่างเมามัน

ไอ้แพร์สองลูกนี่เห็นแล้วก็ขำ เลยถ่ายรูปซะเลย จริงๆ พวกมันอยู่ในตะกร้าผลไม้แหละ นอนแอ้งแม๊งอยู่หลายวันแล้ว อีพ่อก็คอยบอก ปอกให้ลูกกินหน่อยนะ ลูกชอบทั้งสองตัว เราก็ เออๆๆ แล้วก็ลืม พอวันนั้นตื่นมา พ่อมันไปทำงานแล้ว แต่เอาไอ้แพร์สองลูกมาเกาะเค้าน์เต้อร์ครัวไว้ ให้มันเตะตาโครมๆ ไม่เอาให้ลูกกินไม่ได้แล้ว 55555 เห็นแล้วสงสาร เหมือนมันเกาะขอบไว้ กลัวว่าเดี๋ยวมันตกขอบนั่นตาย 55555

 
ดอกไม้จาก “ที่เลิ้บ” ซึ่งเคยเกริ่นเม๊าไว้ที่
My World ว่า อย่าไปคาดหวัง “ดอกกุดาบ” วันวาเลนไทน์ จากฝามีของอิชั้น เพราะช่วงนั้นไม่ว่ากุหลาบหรือดอกไม้ไหนๆ ก็แพงระยับ แต่อีตาคนนี้ซื้อดอกไม้ให้ทั้งปี พอเลิกงานดึกๆ แล้วต้องแวะซื้อนม ซื้อไข่ ซื้ออาหาร และไปเห็นดอกไม้ลดราคาก็จะรีบลากมาฝากเสมอๆ ก็น่ารักน่าชังแบบนี้แหละ

อันนี้เป็นขนมครกสิงคโปร์ที่อยากกินมากๆ อาฆาตมานาน พอได้สูตร ไปลากซื้อใบเตยแช่แข็งมา เครื่องครบก็เริ่มลงมือ ผลออกมาเหมือน แพนเค้กรสใบเตย ผิดหวังสุด จากที่คอยหยอดใส่เบ้าหนมครกรัสเซีย (โด่งก็ไม่โด่ง โด่ก็ไม่โด่ อย่างที่หวังใจไว้) เสียเวลา เจ็บใจ เลยราดใส่พิมพ์ว๊าฟเฟิ่ลให้มันรู้แล้วรู้แร่ด จบๆ ไป คราวหน้าเอาใหม่ เพราะใบเตยเหลือเยอะ ใช้แป้งข้าวจ้าวแทนแป้งเค้ก จะได้เด้งๆ โด่ๆ หนึบๆ แล้วจะรายงานผล


Chapino แบบไทยๆ หรือแบบอู๋ๆ ดูกันเอาเอง ซีฟู้ดส์ซุปสไตล์อิตาเลี่ยน กลายเป็นซึฟู้ดส์อบวุ้นเส้น 5555 เริ่มด้วยเอาวุ้นเส้นแห้งๆ 1 ห่อ ปาลงไปในถ้วย แกะชาพิโน่โฟรสเซ่น ปาลงไป เติมน้ำ ครึ่งถ้วย โยนถ้วยใส่เตาไมโครเวฟ 3 นาที เอามาคนๆ หน่อยนึง โยนเข้าไปคืนอบต่อไปอีก 3-5 นาที ดูว่ากุ้งหอยปลาปูสุกดี เป็นว่าลากออกมารับทานได้ ไม่ต้องมีเฟร้นช์เบรดเพราะวุ้นเส้นนุ่มอร่อย อิ่มไปหนึ่งมื้อค่ะ

เชสต์นัทก๊วนนี้ แช่แข็งมาปีกว่าๆ แล้ว นึกอยากก็เอาออกมาต้ม 20 นาที ก็พอกินขัดให้หายอยากเกาลัดไปได้บ้างนิ้ดดดดดด...นึง (แค่นั้น) เกาลัดต้องซื้อเป็นฤดู ปีนึงซื้อได้ไม่กี่เดือน พอหนาวๆ ตุลา พฤศจิกา ก็ต้องรีบสั่งจากฟาร์มทางอินเตอร์เน็ท สั่งทุกปีแหละ พอใกล้ๆ เวลา เค้าก็จะส่งโปสการ์ดมาเตือน ถ้าเลยไปถึงมกรา ก็อด หมดกัน มีแต่แบบแห้งแกะเปลือก เค้าเอาไว้ทำอาหาร ขนมนมเนยกัน น่าเอามาห่อบ๊ะจ่าง 55555 ตะกละอยากกิน พูดเหมือนทำเป็นเลย ส่วนไอ้นัทพวนี้พอซื้อมา ลูกใหญ่ ลูกเล็ก ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไปตามขนาด ชอบขนาดกลางๆ ซื้อทีก็ 5-6 ปอนด์ๆ ละ 4-5 เหรียญ ก็เอามาแบ่งๆ ใส่ถุงเล็กๆ ซีลสูญญากาศ แช่แข็งเก็บไว้ได้เป็นปี พออยากก็เอามาหุงหาทำกินตามแต่จะนึกออก ไอ้วิธีต้ม 20 นาที เพื่อนเกาหลีสอนมา เคยผ่ากากบาทแล้วอบในเตาอบ อบในเตาติ๊ง หรือผ่าแล้วปิ้งในเตาผิงไฟก็เคย ไม่เวิร์คค่ะ ต้มแล้วดีกว่าแต่ไม่เริ่ดเหมือนคั่วด้วยเม็ดกาแฟที่เมืองไทย แต่เอาเถอะนะ “ดีกว่าไม้ดีดปาก” 555555

มีดชุดใหม่ ราคาแพงระยับ สวามีซื้อให้ ไอ้ที่อยากได้ก็ดันไม่ซื้อให้ "เป๋าลุ๋ย" ใบที่เล็งไว้เงี๊ยะ ไอ้ที่ไม่อยากได้ดันซื้อให้ แถมหย่อนพันอยู่ไม่กี่สตางค์ คนขายก็คุยๆ คมแท้ๆ คมเหลือเกิน ดีเด่น พิเศษ เริ่ดกว่ายี่ห้อเลื่องชื่อ ตุ๊กตาคู่ของเยอรมัน ตอนมาสาธิตก็แบบ แหมดีจังวุ๊ย แต่ไม่คิดหรอกว่าจะซื้อเพราะมันแพงเกินไป อีก๊อตก็แบบ ....ยู โปรเฟสชั่นแนลเชฟ มีใบเซอร์รับประกัน ควรจะมีอาวุธคู่กายแบบสมเกียรติหน่อย ดันออเด้อร์ชุดใหญ่ไป พอของมาส่งเปิดกล่อง “เอ๋อ” เลย โมโหน่ะ ชอบน่ะชอบ แต่ไม่อยากได้ เพราะมันแพง เราก็นึกว่าแค่ยอมให้มันเข้าบ้านมาสาธิต ทนดูมัน เดี๋ยวมันก็ได้ตังค์นิดๆ หน่อยๆ จากบริษัทมีดนั่น ลืมบอกไป ไอ้เด็กที่ขายมีดน่ะ รู้จักันดี ลูกสาวของเพื่อนสนิทน่ะ เด็กคอลเลจหารายได้พิเศษ ไม่งั้นไม่ให้มันเข้าบ้านร๊อกกกก....

คาลบี้ จ้ะ คาลบี้ ของญี่ปุ่นต้นตำรับ ถุงละ 1.99 ลูกๆ ชอบกิน แต่ชอบแบบธรรมดานะ ส่วนวาซาบิสีเขียวนั่น เพิ่งลองซื้อมากินเป็นครั้งแรก ไม่ไหวจริงๆ เผ็ดๆๆๆๆๆ คุณแม่ยังรับไม่ไหว ไม่ซื้ออีกแล้วแบบวาซาบิ เข็ด เวลาไปซื้อหนูดีชอบบอก “ม๊าม่ะ” อยากกินซีฟู้ด 555555 คือรสกุ้งไง ถือว่ากินซีฟู้ดส์แบบประหยัดแล้วกันนะลูก 555555

เซียนกุนเชียง

วันนี้ขอทำตัวเป็นเซียนกุนเชียง เนื่องจากมีเพื่อนรักเพื่อนเกลอย้ายรกรากมาอยู่ร่วมประเทศแต่เป็นฝั่งนอร์ธอีสต์ แล้วเราต่างก็เป็นบิ๊กแฟนของคุณกุนเชียงเค้า ก็ได้แต่ไล่ล่าหายี่ห้อที่อร่อยถูกปากเฉกเช่นที่เคยลิ้มรสตอนอยู่ที่เมืองไทย หลายปีผ่านมา ลองมาหลายยี่ห้อ ก็พบว่ายี่ห้อ “แช้มป์“ อร่อยสุดๆ และผลิตโคยคนไทย แถมเขายังลืออีกว่าต้นตำหรับเป็น “รอยั่ล-เซเลบ“ เสียด้วย ไม่รู้ว่าจริงหรือป่าว เอาเป็นว่า อาร้อยยยยย….อาหร่อย

ส่วนตัวแล้วชอบเหวยกุนเชียงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ตอนนี้ก็มาปลูกฝั่งให้สาวก (ลูกๆ) หลงไหลคลั่งไคล้ในกุนเชียงเหมือนแม่ ก็เลยต้องมีติดบ้านไว้เสมอๆ ส่วนวิธีการทำให้สุก ก็ทำอยู่ 2 วิธี คือทอด กับ อบในเตาติ๊ง (เตาติ๊ง คือ เตาอบไฟฟ้าขนาดเล็กถึงจิ๋ว-เมื่อหมดเวลาที่ตั้งไว้มันจะส่งเสียงดัง “ติ๊ง“ กระจ่างป๊ะ 5555)


ดูสารรูปเตาติ๊ง (ศพ) อันเก่า กับ อันใหม่ที่เพิ่งลากมาเสียก่อน คือ จะเอาเตาไว้ใช้นอกบ้าน ไว้อบสารพัดตามชอบ ไม่ต้องกลัวกลิ่น ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้บ้านร้อน ราคาย่อมเยา เหม็นขี้หน้าหรือสกปรกเกินทำใจก็จับโยนทิ้งไป จริงๆ แล้วมีอีกหนึ่งอันจิ๋วมากๆ เอาไว้ในบ้าน ไว้อบโทสต์หรืออุ่นพิซซ่า ไม่ชอบอุ่นอาหารบางจำพวกในเตาไมโครเวฟ ส่วนเตาปิ้งหนมปังก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากปิ้งหนมปัง สู้เตาติ๊งไม่ได้เลย ส่วนเตาอบใหญ่ ก็ไว้อบเค้ก อบอะไรที่เป็นการใหญ่ แต่หน้าร้อนจะหลีกเลี่ยง เพราะมันทำให้บ้านร้อนมากๆ ไม่ชอบเลย


เริ่มด้วยการอบกุนเชียงในเตาติ๊ง
1) หั่นครึ่งตามยาวตลอดแนว
2) บั้งด้านนอก (โค้งๆ น่ะ) ห่างๆ ถี่ๆ ตามชอบ โดยไม่ต้องให้ลึกมากนัก เหตุที่ต้องบั้งก็เพราะ ถ้าเอาเข้าอบเลยโดยไม่บั้ง ท่านก็จะงอ โง้ง โก่ง โค้ง นอกจากไม่สวยงามแล้ว อาจทำให้ไหม้เกรียมในส่วนที่โก่งโค้งเป็นเขากระบือนั่นได้
3) เอาด้านแบนวางลงบนถาด
4) อบ อบ อบ จนดัง “ติ๊ง“
เสร็จพิธีนำออกมาทานกับ ข้าวสุก ข้าวสวย ข้าวต้ม ข้าวเหนียวตามชอบ อยากหั่นเป็นคำๆ ก็เชิญตามชอบ แบบนี้เอาไปยำก็ดีนะ…สิบอกไห่ (แต่ตัวเองไม่ชอบยำกุนเชียง-แล้วเจือกแนะนำ คือชอบทานเพียวๆ 55555)

วิธีที่ 2 คือ ทอดกุนเชียงด้วยน้ำ
1) หั่นกุนเชียงเป็นแว่นๆ หนาบางตามชอบ
2) เอาฝูงกุนเชียงที่หั่นแล้วโยนลงในกะทะ เติมน้ำพอท่วม
3) ต้มให้น้ำงวดลงเรื่อย หมั่นคนเป็นระยะ
4) พอน้ำงวด ก็ต้องคนอย่างแข็งขัน เบาไฟลงนิดหน่อย
5) คนจนเห็นว่างวดได้ที่จะเห็นจาก น้ำมันและความหวานจากกุนเชียงที่ออกมา ก็จะเคลือบกุนเชียงจนมันแผล่บ สวยงามและอร่อยมาก…ขอบอกกกกก…

Tuesday, July 8, 2008

ผัดมักกะโรนีแบบเด็กๆ

เมนูนี้ง่ายมาก และถูกใจเด็กๆ แก่ๆ ก็ยังชอบ เคยทำไปแต๊งส์กีฟวิ่ง และ แฟมิลี่รียูเนี่ยน เกลี้ยงทุกงาน ไม่ได้เททิ้งนะค้า... ทำไปกะมังใหญ่ๆ ประชาชนก็พากันวนเวียนมาตักไปจนหมดเกลี้ยง

เครื่องปรุงก็ง่ายๆ หาได้ทั่วไปตามตลาด

  1. เส้นพาสต้าตามชอบ เพนเน่ ข้องอๆ ท่อยาวๆ วงใหญ่ๆ โบว์ ฯลฯ อะไรก็ได้ แต่วันนี้ใช้ของเหลือจากอีสเต้อร์โน่น (อีสเต้อร์ปีนี้ 2008 ไม่ใช่จากปีมะโว้)
  2. ลั้นช์มีทอะไรก็ได้ ที่ชอบใช้และไม่ขาดคือเบค่อนและแฮม ตัดชิ้นพอคำ
  3. เนื้อสัตว์ วันนี้ใช้หมู มีไก่ กุ้ง อะไรก็ได้ ใส่เข้าไปเถอะ
  4. หอมใหญ่
  5. กะหล่ำปลี
  6. แครอท
  7. กระเทียม
  8. เคทฉับ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาลทรายแดง

วิธีทำ

  1. หั่นๆ สับๆ ทุกอย่างตามชอบ
  2. ต้มเส้นพาสต้า ตามวิธีที่เค้าบอกมาบนถุง บนกล่อง ล้างน้ำเย็น เอาขึ้น ผึ่งไว้
  3. เอาเบค่อนลงต้มในน้ำให้เดือด เทน้ำทิ้ง เจียวเบค่อนต่อไป ไม่ต้องทอดให้กรอบนะ รอจนน้ำมันออกมาเยอะแยะ เทน้ำมันทิ้ง (ที่ต้มเพราะ ลั้นช์มีทบ้านเมืองนี้เค็มปี้ดเลย)
  4. เติมน้ำมันลงในกะทะเบค่อน (อะไรฟะ เทน้ำมันทิ้ง เติมน้ำมันลงไป 55555 เทน้ำมันจากเบค่อนทิ้ง เติมน้ำมันพืชดีๆ หรือน้ำมันมะกอกลงไปจ้า) เอากระเทียมกับหอมใหญ่สับลงไปผัดๆ คนรวมไปกับเบค่อนแหละ คอยดูว่าหอมกระเทียมเหลืองๆ พองาม เอาเนื้อสัตว์ใสลงไป
  5. เติมซีอิ้วขาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายแดงนิดนึง อย่าใส่เยอะ เดี๋ยวใส่เคทฉับก็หวานเข้าไปอีก ผัดจนแน่ใจว่าเนื้อสัตว์สุกแน่ๆ
  6. เอาผักทั้งหมดใส่ลงไป ผัดจนผักสุกนิดหน่อย ใส่เคทฉับลงไปมากน้อยตามชอบ เติมน้ำซักหน่อย คนๆ เข้ากันดี เอาเส้นพาสต้าใส่โครม คนๆๆ เป็นเสร็จ เชิญอร่อยค่ะ

ถ่ายรูปไม่สวยโปรดให้อภัย ทำไปถ่ายรูปไปนี่ยากจังแหะ มือเลอะ ล้างมือ เลอะอีก ล้างอีก พึ่งใครๆ ก็ไม่ได้ แถมตอนเสร็จก้ไม่มีจัดจานตกแต่งสวยงาม ถ่ายมันในกะทะเลย 5555 เซินแซบ...

page-12

Friday, June 27, 2008

I Baked a Cake with My Rice Cooker!

Today, I decided to bake a "rice-cooker" chocolate cake! The result is amazing; the cake is moist, nice and quite fluffy. As I mentioned quite a bit in my blogger that I don’t really like to bake anything in the oven because it also bake my whole house too, especially in summer but it makes my house warm & cozy worm in winter ! Let’s get it started!!

I’ve never baked a cake from scratch since I moved here (lots of work huh! and also big mess for me to clean up afterwards). So, I used cake mix today ha ha ha! Just follow the instruction, I got the batter!

I put the batter in the rice cooker and set it to run for a full cycle of white rice cooking. My rice cooker takes about 20 minutes per cycle for cook the white rice, but it stays hot after the cycle is over. It still looked runny after 1st cycle so, I had to run one more cycle. Again, it was still runny in the middle part after the 2nd cycle.

I changed the menu of the rice cooker to “PORRIDGE” because this function the unit will cook with higher heat and a little bit longer than cook regular white rice. I let it run one cycle of this, then Ta Da!!!